
บทความ 10 อันดับสโมสรฟุตบอล ที่มีการกวาดรายได้จากเหล่า สปอนเซอร์ มากที่สุดในวงการ มีจุดเริ่มต้นมาจากการมองสภาพเศรษฐกิจทั่วโลก ที่โดนพิษ โควิด-19 เล่นงานไปทุกภาคส่วน
โดยทางวงการฟุตบอล ย่อมได้รับผลกระทบ ไม่ต่างกับวงการอื่นๆ ที่เงินรายได้เข้าสโมสรล้วนหดหายไปตามๆ กันเพราะนโยบายต่างๆ เพื่อลดการระบาดของโรค ในแต่ละประเทศ ล้วนมีมาตรการที่แตกต่างกันออกไป
แต่ที่เหมือนกันในปีก่อนๆ คือ การห้ามแฟนบอลเข้าชมเกมในสนาม แล้วเพิ่งจะมีการผ่อนความเข้มงวดลง หลังมีการฉีดวัคซีนอันมีประสิทธิภาพ จนทำให้แฟนๆ ได้กลับมาสัมผัสเกมตามปกติได้อีกครั้ง
อย่างไรก็ตามรายจ่ายของแต่ละสโมสรยักษ์ใหญ่ ยังคงหนักหนาสาหัสตามเดิม เนื่องจากลงทุนไปมากพอควร เพื่อล่าความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น ค่าเหนื่อยนักเตะชื่อดังหน้าเดิม, การดูแลสิ่งอำนวยความสะดวกของทีม และการเสริมทัพ
ซึ่งเป็นรายจ่ายประจำปี ที่ไม่สามารถเหลีกเลี่ยงได้ แล้วไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดสภาพการณ์วิกฤติอันย่ำแย่ โชคยังดีที่การทำธุรกิจของพวกเขา ยังเอาตัวรอดไปได้เพราะมีตัวช่วยอย่าง “สปอนเซอร์” หรือ “ผู้สนับสนุน” ช่วยจ่ายเงินให้กับทีมตามระยะเวลาสัญญาที่เซ็นไว้ เป็นรายได้ก้อนหลัก ที่ทำให้แต่ละสโมสรอยู่รอดไปได้ในช่วงที่ยากลำบาก
แน่นอนว่าราคาค่างวด ที่สปอนเซอร์แต่ละเจ้า จ่ายให้แต่ละสโมสร ย่อมแตกต่างกันออกไปจากหลายปัจจัย ขึ้นอยู่กับความโด่งดังของทีม, จำนวนแฟนบอลที่สนับสนุน และ ระยะเวลาของสัญญา ยิ่งทีมใหญ่มากเท่าไหร่ จำนวนเงินที่ต้องจ่ายเพื่อซื้อสื่อโฆษณา ย่อมมากเป็นเงาตามตัว เพราะต้องเกทับคู่แข่งเจ้าอื่นๆ ที่พร้อมประมูลพื้นที่สื่อ
ในการพีอาร์แบรนด์ตัวเอง ให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเช่นเดียวกัน โดยมีจุดมุ่งหวังเดียวกันว่า สินค้าของพวกเขา จะสามารถสร้างรายได้ กลับคืนมาเป็นกอบเป็นกำ ด้วยการอาศัยความนิยมของแต่ละทีม เป็นแรงผลักดันอยู่เบื้องหลัง
เว็บไซต์ offpitch ได้รวบรวมเอาข้อมูลของสโมสรฟุตบอล ที่มีรายได้จากสปอนเซอร์สูงสุด 10 อันดับ มานำเสนอให้กับแฟนๆ ได้ติดตามกันเช่นเคย มาลุ้นไปพร้อมๆ กันว่า ทีมรักทีมเชียร์ของแต่ละคน จะติดอันดับเข้ามาบ้างหรือไม่? รายรับนั้นมหาศาลขนาดไหน?
10 อันดับสโมสรฟุตบอล สปอนเซอร์แพง 10-8

เริ่มต้นกันที่อันดับที่ 10 เป็นทาง เชลซี ที่ครองตำแหน่งนี้ โดยแบ็กกราวด์การสร้างรายได้คร่าวๆ ของสโมสร มีการวางรากฐานมาอย่างยาวนาน ในช่วงเริ่มแรกเป็นทางสายการบิน กัล์ฟ แอร์ ที่เป็นสปอนเซอร์หลักในฤดูกาล 1983/84
หลังจากมีชื่อเสียงและโด่งดังมากขึ้นเรื่อยๆ เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ล้วนหันมาสันบสนุนพวกเขามากขึ้น แล้วได้แบรนด์หลักๆ อย่าง คอร์ส (Coors), ออโต้กลาส, คอมโมดอร์ และ ซัมซุง ต่อคิวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน
ซึ่งเป็นทาง ซัมซุง ที่เป็นสปอนเซอร์ใหญ่ ด้วยดีลมหาศาล 21 ล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ปี 2005-2015 แล้วมีผู้สนับสนุนรองใหญ่ๆ อีกสามรายอย่าง ไนกี้, แซป (Zap) และ ยูเค-เทลโก้ ทรี สร้างรายรับเพิ่มเติมให้กับทีม
โดยเฉพาะทาง ไนกี้ แบรนด์สินค้ากีฬาระดับโลก ที่เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตชุดแข่งให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม ตั้งแต่ปี 2017 แล้วระยะเวลาของสัญญานั้นครอบคลุมยาวไปอีก 15 ปี ด้วยมูลค่าราว 71 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ เป็นการเข้ามาแทนที่คู่แข่งตัวยงในวงการแบบ อาดิดาส ที่เป็นพาร์ทเนอร์กับ สิงห์บลู มาอย่างยาวนานถึง 11 ปี
ด้านสัญญาของ เทลโก้-ทรี ที่เพิ่งจะมีการเซ็นกันไปเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2020 นั้นกลายเป็นดีลประวัติศาสตร์ เพราะมีมูลค่าสูงถึง 44 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ตามการประกาศอย่างเป็นทางการของสโมสร เชลซี เมื่อปีก่อน ซึ่งกลายเป็นผู้าสนับสนุนรายใหญ่ ที่จ่ายหนักที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบัน

ต่อกันที่อันดับที่ 9 เป็นอีกหนึ่งทีมขวัญใจชาวไทยอย่าง ลิเวอร์พูล อดีตแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อสองปีก่อน ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลทีมแรกๆ ของโลก ที่ริเริ่มการใช้สปอนเซอร์คาดหน้าอกบนชุดแข่ง และรับผู้สนับสนุนด้านการผลิตชุดให้กับทีม
หากย้อนกลับไปในปี 1979 ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากประเทศญี่ปุ่นอย่าง ฮิตาชิ ที่เซ็นสัญญากันเป็นเวลาสามปี หลังจากนั้นเป็นต้นมาแบรนด์สินค้าชื่อดัง ต่างเข้ามาสนับสนุน หงส์แดง แบบไม่ขาดสาย อาทิ คาร์ลสเบิร์ก, เมาริติอุส, เอ็มจี และ แอ็กซา ซึ่งแต่ละแบรนด์ที่เข้ามาล้วนมีผลิตภัณฑ์จูงใจที่หลากหลาย
ซึ่งแบรนด์เครื่องดื่มแอลกฮอลชื่อดังแบบ คาร์ลสเบิร์ก เป็นสนับสนุนที่อยู่กับทีมมายาวนานที่สุดตั้งแต่ปี 1992 แล้วจะอยู่กับทีมไปจนถึงปี 2024 เป็นอย่างน้อย ตามระยะเวลาของสัญญา
สปอนเซอร์รายใหญ่ที่เข้ามาล่าสุดแบบ เมาริติอุส นั้นเซ็นสัญญากันเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งมีการประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีนี้เอง
อีกหนึ่งผู้สนับสนุนหลัก ที่จ่ายหนักไม่แพ้แบรนด์อื่นๆ ราว 43 ล้านเหรียญดาลล่าห์สหรัฐต่อปี แล้วได้เป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก แบรนด์ปัจจุบัน ที่มีสัมพันธ์เชื่อมโยงกันมาตั้งแต่ปี 2010 ย่อมเป็น ธนาคาร สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์
สุดดท้ายแบรนด์ที่จ่ายเงินก้อนโตไม่แพ้กันต่อปี คือ อาดิดาส ผู้ผลิตสินค้ากีฬาเจ้าใหญ่ของโลก ที่ยอมควักปีละ 36 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในการสนับสนุนทีม
ทุกดีลรวมกันทำให้ หงส์แดง สร้างกำไรจากสปอนเซอร์สูงถึงปีละ 80 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เลยทีเดียว

อันดับที่ 8 เป็นอีกหนึ่งทีมชื่อดังในเมืองหลวงประเทศอังกฤษอย่าง อาร์เซน่อล ยอดทีมแห่งลอนดอนเหนือนั่นเอง ซึ่งดีกรีของพวกเขานั้นไม่ธรรมดา เคยก้าวไปเป็นแชมป์ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาแล้วในช่วงยุค 2000 จนกลายเป็นขวัญใจแฟนบอลทั่วโลกอยู่ช่วงหนึ่ง จากการทำสถิติไร้พ่ายในลีกมากถึง 49 นัดติดต่อกันในเกมลีก
โดยสปอนเซอร์หลักๆ ที่จ่ายหนักให้กับทีมนั้นเป็นแบรนด์สินค้ากีฬาอย่าง พูม่า ที่ยอมจ่ายถึง 43 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐต่อฤดูกาลเพื่อเป็นผู้ผลิตชุดแข่ง แต่ยังเป็นรองสปอนเซอร์หลัก ที่ซื้อพื้นที่คาดหน้าอกชุดแข่ง ไอ้ปืนใหญ่ อย่าง สายการบินเอมิเรตส์ ที่เปย์หนักถึงฤดูกาลละ 56 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อหนึ่งฤดูกาล เพื่อพื้นที่สื่อที่พวกเขาต้องการ
ซึ่งจากการประกาศล่าสุดของสโมสร สัญญาที่เพิ่งเซ็นกันไปสดๆ ร้อนๆ จะมีระยะเวลานานถึง 5 ปีเลยทีเดียว ส่งผลให้สายการบินระดับท็อป ต้องจ่ายเงินมหาศาลรวมๆ แล้วแตะ 280 ล้านปอนด์ จนกว่าจะหมดสัญญา
เมื่อรวมรายได้ของผู้สนับสนุนรวมๆ แล้ว อาร์เซน่อล จะมีกำไรจากส่วนนี้ต่อปีสูงถึง 86 ล้านเหรียญดอลล่าห์สหรัฐฯเลยทีเดียว
10 อันดับสโมสรฟุตบอล สปอนเซอร์แพง 7-4

อันดับที่ 7 เป็นสโมสรบิ๊กเบิ้มจากศึก บุนเดสลีก้า เยอรมัน อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ที่แต่ละปีมีงบการทำทีมแบบมหาศาล แล้วมีแฟนบอลสนับสนุนในเมืองเบียร์ตามเชียร์แบบเหนียวแน่นมากที่สุด ด้วยการเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน
โดยเริ่มได้รับการสนับสนุนจากแบรนด์กีฬาชื่อดังอย่าง อาดิดาส ที่เข้ามาซัพพอร์ทเป็นเจ้าแรกในปี 1965 ด้วยการถือหุ้นของสโมสร ตีออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ที่ราว 8.33 เปอร์เซ็นต์
ซึ่งสามเจ้าหลักที่เป็นสปอนเซอร์สนับสนุนทีม แล้วทำให้ เสือใต้ มีรายรับมหาศาลเมื่อปีก่อนสูงถึง 125 ล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ประกอบไปด้วย อดิดาส ที่จ่ายเงินสนับสนุนทีมนี้มากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ราว 1.07 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ ในปี 2015
รองลงมาเป็น ดอยช์ เทเลคอม บริษัทเกี่ยวกับการสื่อสารยักษ์ใหญ่ในประเทศเยอรมัน ยอมควักเงินเปย์ถึงปีละ 47 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เพื่อแลกกับพื้นที่สื่อบนเสื้อแข่ง ด้วยการเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก ที่เห็นกันแบบชัดๆ ยามลงสนาม
ด้าน อลิอันซ์ ที่เป็นบริษัทด้านการประกันภัย แล้วได้ชื่อสนามเหย้า ไปทำการตลาดทั่วประเทศและทั่วโลก ก็จ่ายเงินต่อปีสูงถึง 9 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ส่งผลให้ บาเยิร์น มีรายรับอย่างมั่นคง สามารถใช้เงินได้แบบมือเติบ
แทบไม่ต้องกังวลเรื่องงบดุลย์ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ที่พวกเขาจะเสริมทัพได้แต่ตัวระดับท็อป ทั้งเทรนเนอร์และนักเตะ แล้วมีเงินจ่ายค่าจ้างแบบสบายๆ อย่างไร้ความกังวล เพราะคงไม่ใช่เรื่องผิดนัก ถ้าจะบอกว่าพวกเขา คือ ทีมที่ได้รับความนิยมสูงสุดในแดนไส้กรอก ณ ปัจจุบัน

อันดับที่ 6 เป็น ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่จากศึก ลีก เอิง ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งปัจจุบันเป็นเบอร์หนึ่งของลีก ในเรื่องของบิลค่าเหนื่อย และ การเสริมทัพ ในปีล่าสุด หลังนำเข้าซูเปอร์สตาร์มาเพิ่มหลายราย ที่แต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดา แต่นั่นคงไม่ทำให้ขนเหน้าแข้งของทีมร่วง เพราะพวกเขามีผู้สนับสนุน คอยแบ็คอัพเงินปีละไม่ต่ำกว่า 148 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อหนึ่งฤดูกาล
โดยทาง เปแอสเช เริ่มรับสปอนเซอร์รายแรกในปี 1986 เป็นทาง อาดิดาส แบรนด์อุปกรณ์กีฬาชื่อดัง ที่มีสัญญาจนถึงปี 1989 แล้วพอหมดสัญญา กลายเป็นว่า ไนกี้ แบรนด์คู่แข่งตัวเบ้ง เป็นผู้ที่เข้ามาสอยพื้นที่สื่อของ ปารีส แทนที่
ซึ่งพันธมิตรระหว่างทั้งสองฝ่าย ยังคงดำเนินไปด้วยดี เพราะสัญญาฉบับล่าสุด ที่เซ็นกันในปี 2013 ยังคงมีอายุจนถึงปี 2022 โดยมูลค่าของดีลนั้นมหาศาลไม่น้อย ตกอยู่ที่ 95 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อปีเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้น เปแอสเช ยังได้รับการสนับสนุนจาก แอร์ จอร์แดน ที่จ่ายเงินปีละ 80 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เพื่อติดสัญลักษณ์บนอกเสื้อแข่ง
ส่วนสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อ เป็นทาง แอคคอร์ ลิฟ ลิมิตเลส ที่ได้รับการการันตีว่า มูลค่าดีลราว 79 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อปี ที่จ่ายให้กับ ปารีสฯ แล้วกลายเป็นดีลที่แพงที่สุด ที่มีการบรรลุข้อตกลงกันในปี 2021

ถัดมาในอันดับที่ 5 เป็นสโมสรชื่อดังจากลีก กัลโช่ เซเรีย อา ประเทศ อิตาลี อย่าง ยูเวนตุส ที่แค่สองผู้สนับสนุนใหญ่ จี๊ป และ อาดิดาส ก็สร้างรายได้รวมให้กับทีมต่อปีที่ 121 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ แล้ว
ซึ่งสปอนเซอร์รายแรกของ ม้าลาย ที่ตกลงกันได้ คือ อริสตัน ที่เป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องปรับอากาศชั้นนำในปี 1981 หลังจากนั้นมาในปี 2000 ถึง 2003 ล็อตโต้ แบรนด์กีฬาชั้นนำ ก็เข้ามาเป็นสปอนเซอร์ใหญ่
ก่อนที่ ไนกี้ จะเข้ามารับไม้ต่อเมื่อหมดสัญญาช่วงปลายปี 2003 แล้วเซ็นต์สัญญากันยาวถึง 2015 ด้วยมูลค่าดีลต่อปีสูงถึง 45 ล้านดอลล่าห์สหรัฐ เลยทีเดียว
ล่าสุด ม้าลาย เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงใหม่กับ จี๊ป ในการเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกชุดแข่ง ยาวไปจนถึงปี 2024 ในการโปรโมทแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ด้วยมูลค่าสัญญาสูงถึงปีละ 55 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ซึ่งดูสมน้ำสมเนื้อไม่น้อย เพราะมูลค่าทรัพย์สินรวมของ ยูเว่ ที่ทาง ฟอร์บส สื่อชื่อดังตีออกมานั้น จัดว่าอยู่ในระดับท็อป ที่ประเมินออกมาได้ราว 1.95 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐ

อันดับที่ 4 แล้วก็เป็นสโมสรจากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่เป็นลีกที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลสูงสุด ณ ตอนนี้ โดยเป็นทีมมือเติบ ที่ใช้เงินในการบริหารต่อปีไม่น้อยในหลายภาคส่วน แต่ข่าวคราวเรื่องการเซ็นสปอนเซอร์ ก็ต่อคิวรายงานแทบไม่ทันเช่นกัน นั่นก็คือ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นเอง
เร้ด เดวิลส์ เป็นสโมสรเนื้อหอม ที่มีผู้สนับสนุนพร้อมจ่ายเงิน เพื่อแลกกับพื้นที่สื่อมากมาย ซึ่งก่อนหน้านี้แค่พื้นที่สปอนเซอร์คาดหน้าอก ที่เริ่มได้รับการสนับสนุนในปี 1982 เป็นต้นมา ก็เปลี่ยนเป็นแบรนด์ชั้นนำมากหน้าหลายตา อาทิ ชาร์ป, เอโอเอน, เอไอจี และ โวดาโฟน เป็นต้น
โดยแต่ละรายก็เปย์หนักไม่น้อย เช่นในรายของ เอโอเอ็น ที่ซื้อพื้นที่สื่อเกี่ยวกับ เทรนนิ่ง คอมเพล็กซ์ ของทีม ก็ต้องจ่ายถึงซีซั่นละ 24 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่ใช่ดีลที่ดูจะเป็นเสาหลักให้ ปีศาจแดง ดูเงินหนา เพราะเหมือนว่า อาดิดาส และ เชฟโรเล็ท นั้นจ่ายหนักกว่าพอสมควร ตั้งแต่ปี 2014 เนื่องจากแค่สองรายนี้ ก็มีรายรับเข้าสโมสรปีละ 187 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อฤดูกาลแล้ว
อย่างไรก็ตามนั่นดูเหมือนจะยังไม่พอ เพราะสปอนเซอร์คาดหน้าอกรายล่าสุดแบบ ทีมวิวเวอร์ ที่บรรลุข้อตกลงเซ็นต์สัญญากันยาวถึง 5 ปี นั้นต้องจ่ายค่าพื้นที่สื่อบนอกเสื้อแข่ง สูงถึงซีซั่นละ 60 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ
แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเสี่ยงที่คุ้มค่า เพราะการได้ตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ หนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก กลับมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง ส่งผลให้เสื้อแข่งขายดีแบบเทน้ำเท่า แล้วแบรนด์ของพวกเขา คงกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก
10 อันดับสโมสรฟุตบอล สปอนเซอร์จ่ายหนักอันดับ 3-1

อันดับที่ 3 เป็นสโมสรจากศึก ลาลีก้า สเปน ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดอย่าง เรอัล มาดริด ซึ่งครองแชมป์ฟุตบอลระดับทวีปในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้มากที่สุดถึง 14 สมัย ส่งผลให้แบรนด์ของ ราชันชุดขาว ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากความยิ่งใหญ่ที่สร้างมาอย่างยาวนาน จนสามารถเรียกราคาค่างวดจากผู้สนับสนุน ได้แบบสมน้ำสมเนื้อ
โดยสปอนเซอร์รายแรกที่เข้ามาสนับสนุนทีม นั้นเป็นทาง ปาร์มาลัต ผู้ผลิตสินค้าเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นมยักษ์ใหญ่ในประเทศอิตาลีที่เริ่มต้นดีลกันในปี 1985-86 หลังจากจบสัญญา กลายเป็นว่า มียักษ์ใหญ่มากมาย ต่อคิวเข้ามาเป็นผู้สนับสนุน แทบจะเปลี่ยนกันปีต่อปี ไม่ว่าจะเป็น เตก้า, บีวิน และ ซีเมนส์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละบริษัทล้วนมีผลิตภัณฑ์ แตกต่างกันออกไป ในหลากหลายตลาดของผู้บริโภค
ในปัจจุบันสองผู้สนับสนุนหลักของ ราชันชุดขาว เป็นทาง อาดิดาส แบรนด์กีฬาชื่อดัง ที่เป็นผู้ผลิตชุดแข่งให้กับทีม แล้วต้องจ่ายเป็นเงินถึงปีละ 36 ล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ตีเป็นเงินไทยได้ที่ราว 1,201 ล้านบาท
ส่วนทาง ฟลาย เอมิเรตส์ เป็นบริษัทที่จ่ายเงินมากที่สุดให้กับ มาดริด ตกปีละ 84.1 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อหนึ่งปี ในการซื้อพื้นที่สื่อเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอก ตกเป็นเงินไทยที่ราว 2,806 ล้านบาท ที่สัญญาจะจบลงเมื่อจบซีซั่นนี้
ไม่น่าแปลกใจเท่าใดนักที่ มาดริด จะเรียกสัญญาได้มูลค่ามหาศาลจากสปอนเซอร์แต่ละราย เพราะมูลค่าทางการตลาดของพวกเขา ตีรวมๆ ออกมาแล้วได้ที่ 3.4 พันล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เลยทีเดียว จากการอัพเดตล่าสุดในปี 2021

ต่อกันที่ตำแหน่งรองท็อป ยังคงเป็นทีมจากศึก ลาลีก้า สเปน แถมเป็นคู่แข่งตลอดกาลของ เรอัล มาดริด อย่าง บาร์เซโลน่า นั่นเอง
จากผลงานของทีม ที่คว้าแชมป์มากมาย ด้วยการสะสมซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ไว้กับทีมแบบรุ่นสู่รุ่น จนถูกขนานนามว่า “ทีมต่างดาว” อยู่ช่วงหนึ่ง จึงไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ที่ เจ้าบุญทุ่ม จะรับกำไรเนื้อๆ เน้นๆ หลังหักรายจ่าย เฉพาะในส่วนของสปอนเซอร์มากถึง 80 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เมื่อปีก่อน
บาร์ซ่า เป็นสโมสรเดียวในโลก ที่ไม่รับสปอนเซอร์คาดหน้าอกเสื้อแข่งจนถึงปี 2006 ที่ผ่านมา
ซึ่งรายแรกที่สามารถดีลกับทีมได้สำเร็จ เป็นองค์กรการกุศลอย่าง ยูนิเซฟ ที่ได้รับเกียรติเป็นเจ้าแรก ด้วยการมอบเงินสนับสนุนปีละ 1.5 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ เท่านั้น เมื่อเทียบกับสโมสรอื่นๆ ที่อยู่ในระดับเดียวกันนั้น เป็นตัวเลขที่หาไม่ได้อีกแล้ว ในการซื้อพื้นที่สื่อระดับนี้ แต่ด้วยการเป็นองค์กรที่ไม่ได้แสวงหาผลกำไร คงเป็นการช่วยกันของสองฝ่าย ในการโปรโมทแบรนด์แบบประคองกันไปนั่นเอง
หลังจากเปิดช่องทางรับสปอนเซอร์ บาร์ซ่า ก็มีบริษัทยักษ์ใหญ่ ผลัดเปลี่ยนเข้ามาสนับสนุนมากหน้าหลายตา อาทิ เช่น การ์ต้า แอร์เวย์, กาต้าร์ ฟาวด์เดชั่น, ไนกี้ และ ราคุเท็น
โดยแบรนด์กีฬาระดับโลก ที่เข้ามาผลิตชุดแข่งให้กับ เจ้าบุญทุ่ม ที่ตราสัญลักษณ์เป็นเครื่องหมายติ๊กถูกนั้น ต้องจ่ายถึงปีละ 39 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯ ต่อปี นับเป็นหนึ่งในดีลเสื้อแข่งที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก ตกเป็นเงินไทยอยู่ที่ 1,301 ล้านบาทเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามผู้สนับสนุนที่จ่ายให้ บาร์ซ่า เป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดต่อปี นั้นกลับเป็นสปอนเซอร์คาดหน้าอกแบบ ราคุเท็น บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านการค้าจากประเทศญี่ปุ่น ที่ยอมควักกระเป๋าปีละ 65 ล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ซื้อพื้นที่สื่อดังกล่าว ตกเป็นเงินไทยปีละ 2,169 ล้านบาท นับเป็นตัวเลขที่การันตีรายได้ต่อปี ที่มากที่สุดดีลหนึ่งในโลกลูกหนัง
แต่ไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นแบบไหนต่อไป เพราะมีประเด็นเรื่องที่นักเตะของ เจ้าบุญทุ่ม ไปแสดงกิริยาเหยียดเชื้อชาติชาวเอเชีย จนกลายเป็นข้อขัดแย้งในใจ ให้ผู้สนับสนุนรายนี้ ออกอาการไม่พอใจอยู่ไม่น้อย

ปิดท้ายกันที่สโมสรอันดับหนึ่ง ที่โกยรายได้จากผู้สนับสนุนมากที่สุด เป็นทีมจากศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เจ้าของแชมป์ทีมล่าสุดอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ไม่รู้จะเอาเงินไปไว้ไหนดี เพราะเจ้าของทีมก็รวยที่สุด เมื่อเทียบทรัพย์สินกับสโมสรอื่นๆ จึงไม่เป็นเรื่องที่เซอร์ไพรส์ใดๆ ที่ทาง เรือใบสีฟ้า จะทุ่มซื้อตัวนักเตะ จนเหมือนมีทีมตัวจริงสองชุดได้เหมือนในปัจจุบัน
สปอนเซอร์รายหลักๆ ส่วนใหญ่ของ เรือใบสีฟ้า ล้วนมาจากฝั่งอาหรับแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น นิสสัน, เอติซาลัต, วิสิต อาบู ดาบี และ เอติฮัด แอร์เวย์ ซึ่งล้วนแต่เป็นแบรนด์ใหญ่ๆ ที่กระจายอยู่หลากหลายตลาด มูลค่าผลิตภัณฑ์ล้วนแต่แพงระยับ โดยเริ่มต้นความสัมพันธ์กับ ผู้สนับสนุนกลุ่มดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2009
ส่วนแบรนด์ตลาดใหญ่ๆ ที่เป็นที่รู้จักกันของแฟนบอลอย่าง ไนกี้ ก็เข้ามาสนับสนุนด้านชุดแข่งให้ ด้วยการจ่ายปีละ 18 ล้านดอลล่าห์สหรัฐอเมริกา ซึ่งดูเหมือนจะไม่ใช่ดีลที่มูลค่ามากนัก เพราะตกเป็นเงินไทยปีละ 600 ล้านบาทเท่านั้น เมื่อเทียบตัวเลขกับสโมสรอื่นๆ ในระดับเดียวกัน อาจจะดูเป็นรอง
อย่างไรก็ตามเมื่อรวมมูลค่าของทุกสปอนเซอร์ ที่มีสัญญากับ แมนฯ ซิตี้ แล้ว จะเห็นได้ชัดว่า พวกเขาเน้นจำนวน มากกว่าเน้นดีลใหญ่ๆ เนื่องจากหลายเจ้า พอรวมๆ กันแล้ว เป็นตัวเลขมหาศาลได้เช่นเดียวกัน
โดยในปี 2019/20 เชื่อกันว่า พวกเขามีรายรับเฉพาะด้านผู้สนับสนุนอย่างเดียว ก็ปาเข้าไป 336 ล้านดอลล่าห์สหรัฐฯหรือตีเป็นเงินไทยได้ราว 11,212 ล้านบาทเลยทีเดียว นับว่าทิ้งห่างทีมอื่นๆ หลายหลักกิโล
เว็บไซต์ offpitch มุ่งเน้นการนำเสนอ ข่าวสารที่น่าสนใจ จากวงการฟุตบอลทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือ นอกประเทศ ประเด็นไหนที่กำลังร้อนตามกระแส ไม่มีทางปล่อยผ่านให้หลุดมือ พร้อมตีแผ่ให้ลึกแบบถึงกึ๋น ติดตามพวกเราไว้ รับรองได้ว่า ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน