
บทความ รวมดีลด่วน ก่อนปิดตลาดศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ จัดทำขึ้นมาเพื่อเตรียมต้อนรับช่วงซัมเมอร์ ที่กำลังจะเข้าสู่ช่วงการเปิดตลาด ซื้อ-ขาย ผู้เล่นอีกครั้ง ซึ่งถ้าย้อนกลับไปในฤดูกาลก่อน ต้องยอมรับตามตรงว่า เป็นตลาดนักเตะที่ “บ้าคลั่ง” และ น่าจดจำไม่น้อยเลยทีเดียว
เพราะมีดีลประวัติศาสตร์เกิดขึ้นอย่างเหลือเชื่อ อาทิ สองนักเตะที่เก่งกาจที่สุดในโลกฟุตบอลยุคปัจจุบันทั้ง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต่างย้ายสังกัดแบบสะเทือนวงการทั้งคู่ บวกเข้ากับดีลของ แจ็ค กรีลิช ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มงบถึง 100 ล้านปอนด์ ดึงตัวมาจาก แอสตัน วิลล่า แล้วทำให้เพลย์เมคเกอร์มาดเท่ กลายเป็นนักเตะสัญชาติอังกฤษคนแรก ที่ราคาแตะหลักร้อยล้าน เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอกับคำนิยามที่เกริ่นไป
อย่างไรก็ตาม บางครั้งการเจรจาต่างๆ นั้นมีความยืดเยื้อ รวมไปถึงการเล่นแง่ดึงเกม ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นประจำ ดังนั้น แฟนบอล อาจจะเคยเห็นดีลแบบสายฟ้าแล่บ ที่เกิดขึ้นก่อนตลาดปิดตัวลงในวันสุดท้าย ที่สมหวังและผิดหวังมากมาย
วันนี้เว็บไซต์ ออฟพิชท์ ได้ทำการรวบรวมดีลด่วนวันปิดตลาด อันเป็นที่น่าจดจำในอดีต ตั้งแต่ลีกสูงสุดแดนผู้ดี กำหนดให้มีเส้นตายการซื้อ-ขาย นักเตะ เมื่อปี 2002 เป็นต้นมา มาดูกันเลยว่า มีนักเตะคนไหน? และ สโมสรใดติดโผกันเข้ามาบ้าง?
รวมดีลด่วน สตาร์ต่างลีกที่ย้ายมาแบบสุคช็อค

เปิดหัวกันที่ดีลแรกที่เกิดขึ้นในปี 2006 ซึ่งขนาดผู้จัดการทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในขณะนั้นอย่าง อลัน พาร์ดิว ยังมองว่ามันเหลือเชื่อ แล้วไม่น่าจะเกิดขึ้นจริงได้ สำหรับการคว้าตัว ฮาเวียร์ มาสเคราโน่ และ คาร์ลอส เตเบซ สองสตาร์ทีมชาติอาร์เจนติน่า ที่เป็นผู้เล่นแถวหน้าเบอร์ต้นๆ ของนักเตะอเมริกาใต้ในยุคนั้นจาก โครินเธียนส์ มาร่วมทีมอย่าง ขุนค้อน ที่ดูไม่ได้สมฐานะของซูเปอร์สตาร์เลยแม้แต่น้อย
ผู้ที่อยู่เบื้องหลังดีลนี้ คือ เคีย ชูรับเชี่ยน เอย่นต์ผู้คร่ำหวอดในวงการฟุตบอล ซึ่งตอนนั้นยังไม่ได้รับใบอนุญาติการประกอบอาชีพ เมื่อสัญญาของ มาสเคราโน่ และ เตเบซ มีช่องโหว่ให้หาผลประโยชน์ ชูรับเชี่ยน ทำการซื้อสิทธิ์การเป็นเจ้าของนักเตะ แล้วเปลี่ยนให้ไปอยู่ในมือของบริษัท
นับเป็นการถือครองจากบุคคลที่สาม ที่ทาง พรีเมียร์ลีก ไม่เคยเจอมาก่อน แล้วปล่อยให้ดีลดังกล่าวลุล่วงไปด้วยดี ผลงานของ เตเบซ กับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด นั้นถือว่าเป็นปรากฏการณ์ เพราะเป็นกุญแจหลักที่ทำให้ ขุนค้อน รอดพ้นการตกชั้น ด้วยการทำไป 7 ประตู จากการลงเล่น 10 นัด แต่ว่าทาง มาสเคราโน่ ผลงานกลับไม่ปังดังคาด จึงถูกปล่อยให้ ลิเวอร์พูล ยืมตัวไปใช้งานในตลาดเดือนมกราคม
อย่างไรก็ตามเมื่อมีการย้อนสืบสวน ในเรื่องความถูกต้องต่างๆ เกี่ยวกับดีลนี้ เวสต์แฮม นั้นถูกทาง สมาคมฟุตบอลประเทศอังกฤษ หรือ เอฟเอ ลงโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 5.5 ล้านปอนด์ แถมต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ที่ต้องตกชั้นอีก 20 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

อีกหนึ่งดีลที่เป็นที่น่าจดจำ คือ โรบินโญ่ ที่ตัดสินใจย้ายจาก เรอัล มาดริด มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2008 ด้วยค่าตัวมหาศาลถึง 32 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงดีลแรกของ ชีค มันซูร์ ในการสร้าง เรือใบสีฟ้า ให้ยิ่งใหญ่ทัดเทียมบิ๊กโฟร์ในยุคนั้น
ด้วยการตัดหน้า เชลซี ไปแค่ปลายจมูกช่วงไม่กี่ชั่วโมงสุดท้ายก่อนตลาดปิด เพื่อชดเชยความผิดพลาดในปีก่อน ที่ไม่สามารถดึงตัว กาก้า เพลย์เมคเกอร์หน้าหยกทีมชาติบราซิล มายังเมืองแมนเชสเตอร์ ได้ดังหวัง
ผลงานของ โรบินโญ่ กับ ซิตี้ ในฤดูกาลแรก นั้นอยู่ในเกณฑ์ที่เข้ามายกระดับทีมได้เป็นอย่างดี เพราะทำไปถึง 14 ประตู การประสานงานของเขากับ เอลาโน่ กองกลางเพื่อนร่วมชาติ เป็นไม้เด็ดที่หลายทีมต่างหวาดหวั่น
แต่แล้วในซีซั่นที่สอง โรบินโญ่ โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานจนฟอร์มหดหาย บวกกับปรับตัวกับชีวิตในประเทศอังกฤษไม่ได้ ส่งผลต่อผลงานในสนามโดยตรง แมนฯ ซิตี้ จึงตัดสินใจปล่อยให้ ซานโตส สโมสรแรกที่เขาสร้างชื่อยืมตัวไปใช้งานในเดือนมกราคมปี 2010 แล้วถูกขายขาดให้กับ เอซี มิลาน ด้วยราคา 15 ล้านปอนด์ ในเวลาต่อมา

ส่งท้ายกันที่การย้ายตัววันเดดไลน์ ที่ประสบความสำเร็จอีกหนึ่งตัวอย่าง ย่อมหนีไม่พ้น โคล้ด มาเกเลเล่ ที่เลือกอำลา เรอัล มาดริด มาอยู่กับ เชลซี ด้วยสนนราคา 16 ล้านปอนด์ในปี 2003 แบบสุดช็อค
เนื่องมาจากไม่มีใครอยากเชื่อว่า ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรจอมเขี้ยวของ ราชันชุดขาว จะกล้าปล่อยตัวคีย์แมนในแผงกลาง ที่เปรียบเสมือนผู้ปิดทองหลังพระให้กับขุนพล กาลาติกอส ในยุคนั้น ด้วยเหตุผลง่ายๆ เพียงแค่ต้องการผู้เล่นที่อายุน้อยกว่าเข้ามาทดแทน จนทำให้แฟนบอลลืม มาเกเลเล่ ไปเอง
ขนาดดาวเตะเบอร์หนึ่งของโลกขณะนั้นอย่าง ซีเนดีน ซีดาน ยังคงเป็นไก่ตาแตก
มาเกเลเล่ เข้ามาเป็นหัวใจสำคัญในแดนกลางให้กับ สิงโตน้ำเงินคราม ด้วยการใช้ประสบการณ์ในการค้าแข้งอันเหลือล้น ประคองทีมตามแบบฉบับ ไม่เด่นแต่ขาดไม่ได้เหมือนเดิม จนทำให้ เชลซี คว้าแชมป์ลีกได้ถึง 2 สมัยในปี 2004 และ 2006
ยิ่งไปกว่านั้น มาเกเลเล่ ยังเป็นตัวหมากที่ขาดไม่ได้ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ทำทีมได้อย่างแข็งแกร่งแบบสุดๆ ในเวลานั้น ถึงขนาดมีการเรียกตำแหน่งที่ มาเกเลเล่ ลงเล่น ให้มีชื่อว่า มาเกเลเล่ โรล เลยทีเดียว
มาเกเลเล่ ลงสนามให้กับ เชลซี ไปทั้งหมด 217 นัด ก่อนที่ช่วงปลายอาชีพ จะย้ายกลับไปเล่นให้กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ทีมดังในลีกบ้านเกิด
รวมดีลด่วน ซื้อแล้วอยู่ยาวมาจนทุกวันนี้

ต่อมาเป็นดีลของ อูโก้ โยริส ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ และ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่ย้ายมายังลอนดอนในวันสุดท้าย ด้วยค่าตัวแค่ 12 ล้านปอนด์ จากสโมสร โอลิมปิก ลียง ในปี 2012
ก่อนหน้านั้น โยริส เป็นนายทวารดาวรุ่งที่น่าจับตามอง ตั้งแต่ลงเล่นให้กับ นีซ เพราะมีการเซฟที่โดดเด่นเกินวัย จนท้ายที่สุด โอแอล ก็ดึงตัวเขาไปเฝ้าเสา แล้วยกตำแหน่งมือหนึ่งให้ ตั้งแต่อายุแค่ 21 ปีเท่านั้น
การย้ายมาของ โยริส นับว่าเป็นดีลสุดคุ้มของ ไก่เดือยทอง เพราะราคาสุดถูก แถมไม่มีคู่แข่งแย่งตัว จนถึงตอนนี้ นายทวารมือหนึ่งของทัพตราไก่ ลงเล่นให้กับทีมไปแล้วกว่า 350 นัด ตลอด 9 ปีที่ผ่านมา
ผลงานยังอยู่ในระดับที่ไว้ใจได้ มีช็อตเซฟสวยๆ ให้ แฟนบอล ได้อึ้ง ทึ่ง เสียว กันอยู่บ้างแบบเนืองๆ แถมก้าวไปเป็นแชมป์โลกกับ ฝรั่งเศส ในฐานะกัปตันในปี 2018 ด้วยการเป็นมือหนึ่ง ตลอดทัวร์นาเมนต์
ดีลสุดแสบบีบคู่แข่งร่วมลีกของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

ปิดท้ายกันด้วยดีลสุดแสบผลงานจากน้ำมือของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ฉกตัว ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ กองหน้าคลาสสูงของ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ มาร่วมทัพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2008 ด้วยค่าตัวสถิติสโมสรในเวลานั้นราว 30.75 ล้านปอนด์
เป็นการตัดหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คู่อริร่วมเมือง ที่ตกลงกับ ไก่เดือยทอง ได้เรียบร้อยก่อนหน้านั้นแล้วอย่างน่าหมั่นไส้สุดๆ ในวันสุดท้ายของตลาดรอบนั้น แบบไม่มีโอกาสให้ทาง เรือใบสีฟ้า ได้ตั้งตัวใดๆ
เบอร์บาตอฟ ที่ต้องการย้ายทีม เพราะต้องการลงเล่นในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ไม่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในช่วงแรก ภายใต้การสวมเครื่องแบบอสูรแดง เป็นเพราะว่าฟอร์มของ เวย์น รูนี่ย์ และ คาร์ลอส เตเบซ กำลังเข้าฝักสุดๆ
แต่ เบิร์ฟ ก็เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกในฤดูกาล 2008/09 ได้สำเร็จ ด้วยการยิงไป 14 ประตูในซีซั่นนั้น
อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2011/11 เบอร์บาตอฟ ต้องเจอกับเหตุการณ์อันน่าปวดใจ เพราะไม่มีรายชื่อลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่ทาง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พ่ายให้กับ บาร์เซโลน่า แบบหมดท่า 1-3
แล้วในปีต่อมาศูนย์หน้ามากทักษะ ก็เลือกที่จะย้ายออกจากถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ไปอยู่กับ ฟูแล่ม ปิดสถิติกับ ปีศาจแดง ไว้ที่การทำไป 56 ประตู จากการลงเล่นทั้งหมด 149 นัด
เว็บไซต์ ออฟพิชท์ มุ่งเน้นการนำเสนอ ข่าวสารที่น่าสนใจ จากวงการฟุตบอลทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือ นอกประเทศ ประเด็นไหนที่กำลังร้อนตามกระแส ไม่มีทางปล่อยผ่านให้หลุดมือ พร้อมตีแผ่ให้ลึกแบบถึงกึ๋น ติดตามพวกเราไว้ รับรองได้ว่า ไม่มีตกเทรนด์แน่นอน